ทีปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์หนึ่งซึ่งมีความสำคัญกับความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ โดยเจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะละเลยและไม่นึกถึง จะมาเห็นความสำคัญเมื่อตอนที่เจอฝน ซึ่งตอนนั้นอาจจะสายเกินไป ส่วนประกอบสำคัญของที่ปัดน้ำฝนที่ต้องดูแลสภาพค่อนข้างสม่ำเสมอเนื่องจากมีการเสื่อมสภาพหลังจากที่ผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง คือ ส่วนโครงและใบปัดน้ำฝน ซึ่งโดยทั่วไปมักจะมีคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนดังต่อไปนี้

ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนเมื่อไหร่ ?
เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน ควรทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เนื่องจากใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 - 12 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและวัสดุที่ใช้ในการผลิต
รู้ได้อย่างไรว่าที่ปัดน้ำฝนหมดอายุการใช้งาน ?
เมื่อผ่านการใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งทีปัดน้ำฝนจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ซึ่งอาจทำให้ไม่ปลอดภัยเวลาขับขี่ โดยมีอาการหลายอย่างที่บอกถึงการเสื่อมสภาพของที่ปัดน้ำฝนได้แก่ ใบปัดเป็นรอยทำให้ปัดน้ำได้ไม่หมด ใบปัดสะดุด มีเสียงดังเวลาปัด และใบปัดฉีกขาด
ถ้าที่ปัดน้ำฝนไม่ค่อยได้ใช้งานเรามีความจำเป็นในการเปลี่ยนหรือไม่ ?
ถึงแม้ไม่ค่อยไดใช้งาน ใบปัดน้ำฝนก็ยังต้องรับกับสภาวะต่างๆ นอกตัวรถเช่น แสง UV และความร้อนจากแสงแดด หรือมลภาวะและฝุ่นต่างๆ ที่มีผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของใบปัดซึ่งทำมาจากยาง ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนตามอายุการใช้งานเพื่อความปลอดภัย
เวลาเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนเฉพาะยางดีหรือไม่ ?
ที่ปัดน้ำฝนจะประกอบด้วยส่วนใบปัดซึ่งทำมาจากยาง และส่วนของโครงที่มีลักษณะเป็นขามีแรงยืดหยุ่นทำหน้าที่กดให้ยางแนบกับกระจก ในส่วนของใบปัดซึ่งทำมาจากยางจะมีเฉพาะแกนอยู่ด้านใน การเปลี่ยนเฉพาะใบปัดอาจจะประหยัดกว่าบ้าง แต่ก็อาจมีปัญหาถ้าซื้อยางขนาดใบปัดไม่ตรงขนาดกับตัวโครง และโครงใบปัดอันเก่าอาจจะเสื่อมสภาพตามการใช้งานทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานด้อยลง หรือ บางครั้งอาจเกิดอุบัติเหตุต่อกระจกรถยนต์ได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีที่เปลี่ยนยางใบปัดพร้อมกับตัวโครงด้วย จะได้รับความสะดวกในการเปลี่ยนมากกว่าเพราะสามารถถอดเปลี่ยนตัวล๊อคได้อย่างง่ายดาย และยังมีอายุใช้งานได้นานกว่า
วิธีการเลือกซื้อที่ปัดน้ำฝน
ควรเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ผลิตจากวัสดุและเนื้อยางที่มีคุณภาพดี เพื่อให้ทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่และสามารถใช้งานได้นาน ใบปัดน้ำฝนที่ดี ส่วนโครงของใบปัดน้ำฝน ควรทำจากวัสดุที่เป็นโลหะทั้งโครง เพื่อช่วยป้องกันการกระพือจากแรงลมในขณะใช้ความเร็วสูง และสามารถเพิ่มน้ำหนักในการรีดน้ำให้เรียบอีกด้วย นอกจากนี้ เนื้อยางใบปัดน้ำฝนก็มีส่วนสำคัญ ควรพิจารณาเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีเนื้อยางสูตรเฉพาะ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในประเทศเขตร้อน อย่างประเทศไทยซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถคงคุณภาพยางไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป ที่สำคัญใบปัดน้ำฝนบางชนิดอาจมีราคาถูก แต่อาจจะเสื่อมประสิทธิภาพภายหลังการใช้งานเพียง 1-2 ครั้ง เนื่องจากผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่ได้
ขนาดใบปัดน้ำฝน
รถแต่ละรุ่นจะใช้ใบปัดน้ำฝนขนาดแตกต่างกัน ในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนจึงควรจะดูขนาดที่ระบุอยู่ในคู่มือของรถรุ่นนั้นๆ หรือสามารถเทียบดูรุ่นรถที่ระบุไว้บนกล่องใบปัดน้ำฝนได้เช่นกัน ในกรณีที่ติดใบปัดน้ำฝนผิดขนาด ถ้าเล็กไปจะทำให้รัศมีในการปัดน้อยลง ทำให้ทัศสวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ถ้าใหญ่ไปใบปัดอาจจะเลยขอบกระจกทำให้ใบปัดเสียและอายุการใช้งานน้อยลง
การทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน
เพราะว่าใบปัดน้ำฝนจะมีหน้าที่ปัดสิ่งสกปรกออกจากกระจกไม่ว่าจะเป็นฝุ่น หรือคราบต่างๆ ทำให้สิ่งเหล่านั้นอาจเกาะอยู่บนใบปัดทำให้ปัดไม่สะอาด ซึ่งเราสามราถทำความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำแล้วรูดไปตามใบปัด ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆ โดยเฉพาะผงซักฟอกเพราะจะทำให้ใบปัดและสีของรถเสียหายได้
หมายเลขใบปัดน้ำฝนของรถคุณ
การเลือกซื้อใบปัดน้ำฝนที่ตรงกับรถยนต์รุ่นของคุณสามารถดูได้จากบทความเรื่อง "คุณเลือกใบปัดน้ำฝน ให้ถูกรุ่นกับรถคุณได้แล้วหรือยัง ?" ( http://www.chaiyayont.com/article.php?id=18186&lang=th )
"เรื่องอะไหล่ Mercedes-Benz และ BMW ต้องเรา ชัยยะยนต์" |